skip to Main Content
032-706906 info@wfft.org

สลดช้างของกลางยึดจากไทรโยคตายทั้งกลม-อีกหลายเชือกถูกล่ามผอมโซ

http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNek1qUXlOemN6T1E9PQ

สลดช้างของกลางยึดจากไทรโยคตายทั้งกลม-อีกหลายเชือกถูกล่ามผอมโซ

เมื่อเวลา 18.30 น วันที่ 22 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก ดร.เดือนเพ็ญ แสนดี อายุ 39 ปี เจ้าของปางช้างไทรโยค ที่ถูกเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ และกำลัง ปทส มากกว่าร้อยนายบุกเข้ายึดช้างของตนมาจากปางช้างและนำมาไว้ที่ศูนย์อนุุรักษ์ช้างไทย จังหวัดลำปาง โดยช้างที่ยึดรวมทั้งหมด 21 เชือก จาก กาญจนบุรี 19 เชือก และจากจังหวัดภูเก็ต อีก 2 เชือก

ปรากฏว่า ได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ว่า ช้างของกลางชื่อพัง สีทอง อายุ 17 ปี ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ และช้างตัวดังกล่าวยังตั้งท้องได้ 7 เดือน ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย หรือศูนย์คชบาลลำปาง บอกว่า นำซากไปฝังเรียบร้อยแล้ว ระบุตายตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. คาดว่าเพราะอยู่ในสภาพขาดน้ำในช่วงขนย้ายจากไทรโยค มาที่จ.ลำปาง

นอกจากนี้ ยังมีช้างอีกหลายเชือก ที่ถูกล่ามโซ่ เรียงกันไว้เฉยๆ เนื่องจาก เจ้าหน้าที่มีไม่เพียงพอ รวมทั้งอาหารของช้าง ทางกรมอุทยานก็ไม่ได้ให้งบประมาณทิ้งไว้เลย เอาช้างมาไว้แล้วก็กลับไป ทางเจ้าหน้าที่ศูนย์คชบาลช้าง ก็ได้จับช้างมัดเรียงกันไว้ ตามมีตามเกิด และให้อาหารเท่าที่มี

ดร.เดือนเพ็ญ กล่าวว่า หลังจากที่ทางอุทยานได้ยึดช้างไป ทางตนและครอบครัวมีความเป็นห่วงช้างมาก เนื่องจากช้างหลายเชือกไม่เคยขึ้นรถหรือเดินทางไปยังที่อื่น ช้างบางเชือกมีความผูกพันธ์กับควาญมาก และเมื่อต้องพลัดพรากจากคนเลี้ยงและสภาพสิ่งแวดล้อมที่อยู่เดิม รวมทั้งการเดินทางในระยะทางที่ไกลอาจทำให้ช้างบาดเจ็บ หรือมีอาการเครียด และเมื่อต้องมาอยู่กับคนแปลกหน้า แปลกสถานที่ ตนเป็นห่วงว่าช้างอาจจะบาดเจ็บและล้มป่วยในระหว่างการยึด อีกทั้งเป็นห่วงว่าช้างอาจจะได้รับอาหารและน้ำดื่มไม่พียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาช้างอยู่กับครอบครัวช้างทุกเชือกจะถูกนำไปว่ายน้ำและดูแลอย่างดีจากควาญช้าง หลังจากที่ช้างถูกยึดมาตนได้ทราบข่าวอย่างไม่เปิดเผยว่า ช้างทุกเชือกถูกมัดไว้ที่เดิม ไม่มีการนำไปเดินหรือว่ายน้ำ ตนมีความเป็นห่วงเรื่องสภาพจิตใจ และสุขภาพของช้าง

ตนและครอบครัวจึงพยายามทำหนังสือร้องขอและประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภอ.ไทรโยค เพื่อขอเข้ามาเยี่ยมช้างของตน แต่ยังไม่ทันได้เยี่ยมก็มีข่างลือว่าช้างที่ยึดมาไว้ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยได้ล้มตายลง จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้ามาดูช้างของตน และหัวใจแทบสลายเมื่อทราบว่าช้างที่ตายเป็นช้างของปางช้างของตัวเองและเป็น ช้างที่สุขภาพดีที่สุดในกลุ่มที่ถูกยึดมา เป็นช้างพังสาวและกำลังตั้งท้อง ตนเสียใจมาก และจากการดูสภาพช้างเชือกอื่นที่ถูกล่ามโซ่ ยืนอย่างหมดอาลัยตายอยากรอวันตาย

อย่างไรก็ตาม กลุ่มเจ้าของช้างที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานยึดมานั้น จะดำเนินการฟ้องร้องกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยให้ช้างตายและทรมานแบบนี้

http://www.thairath.co.th/content/edu/247474

ผอ.สถาบันคชบาลฯ ยันไม่ได้ปกปิด ช้างของกลางล้ม

ผอ.สถาบันคชบาลแห่งชาติศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ยันไม่ได้ปกปิดข่าว กรณีช้างพังสีทอง ซึ่งช้างของกลางจากปางช้างไทรโยคล้ม เบื้องต้นได้นำร่างไปฝังและส่งผ่าพิสูจน์แล้ว คาดว่าหัวใจวาย…

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 มี.ค นายวรวิทย์ โรจนไพฑูรณ์ ผอ.สถาบันคชบาลแห่งชาติศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เปิดเผยถึงกรณีช้างพังสีทอง อายุ 20 ปี ที่เป็นช้างของกลางจากปางช้างไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้ล้มเมื่อรุ่งแจ้งวันที่ 20 มี.ค เวลาตี 5 ที่ผ่านมา สาเหตุจากช้างหัวใจวายเฉียบพลันซึ่งก่อนล้มเพียง 1 วัน ช้างพังสีทองมีอาการคล้ายประสาทหลอนเห็นอะไรก็จะเกิดอาการหวาดผวาตกใจง่าย และเริ่มมีอาการอ่อนแอจึงให้ควาญช้างนำพังสีทองไปที่ รพ.ช้างของสถาบันฯ และสัตวแพทย์ได้ให้น้ำเกลือแต่อาการยังไม่ดีขึ้นและเริ่มทรุดขึ้นเรื่อยๆ และประกอบกับช้างมีสภาพผอมโซไม่ค่อยสมบูรณ์อยู่แล้วและได้ล้มลงอย่างสงบ จึงนำมาฝังทันทีเนื่องจากหวั่นช้างติดเชื้อร้ายแรง และก่อนจะฝังพังสีทองได้นำไปให้สัตวแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อทำการสันนิษฐานว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และอีกส่วนหนึ่งให้ศูนย์วิจัยโรคสัตว์ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ร่วมตรวจพิสูจน์ในเบื้องต้น

นายวรวิทย์ กล่าวอีกว่า ช้างพังสีทองล้มนั้นอาจมาจากลมแดด เนื่องจากอุณหภูมิในศูนย์กลางคืน ยังมีอากาศหนาวเย็น พอกลางวันร้อนจัด ซึ่งช้างอยู่ในภาวะร่างกายอ่อนแอและปรับเข้ากับอากาศเปลี่ยนแปลงไม่ทัน สำหรับช้างพังสีทอง อายุ 20 ปี ทางศูนย์ได้นำออกจากปางช้างไทรโยคมาถึง จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นช้างของกลางในจำนวน 19 เชือก ตลอดเวลาที่พักอยู่ในศูนย์ทางควาญช้างได้ล่ามเอาไว้ในป่าตลอดเวลาและได้เลี้ยงดูเป็นอย่างดี แต่ในที่สุดก็ล้มสิ้นใจอย่างสงบ ท่ามกลางความเศร้าโศกของผู้เลี้ยงดู ส่วนผลการตรวจพิสูจน์ก้อนเนื้อของช้างพังสีทองอีกประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะสรุปว่ามาจากอะไร อย่างไรก็ตาม กรณีจากพังสีทองล้มตนเองได้รายงานให้นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชแล้ว เนื่องจากช้างที่ทางศูนย์รับมาดูแลเป็นช้างของกลางซึ่งอยู่ในความดูแลของกรมอุทยานอยู่ และไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นข่าวแต่ไม่ได้ปกปิดแต่อย่างไร

http://www.thairath.co.th/content/edu/247257

‘พังสี’ ช้างของกลางจากปางไทรโยคล้มแล้ว

“พังสี” ช้างของกลางจากปางช้างไทรโยค ซึ่งถูกอายัดและนำไปเลี้ยงไว้ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ ได้ล้มแล้วหลังมีอาการชัก อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สั่งผ่าพิสูจน์ซากช้างหาสาเหตุ ก่อนสรุปต้องจ่ายเงินชดใช้ปางช้างหรือไม่…

เมื่อวันที่ 21 มี.ค. นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก นายวรวิทย์ โรจนไพฑูรย์ ผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ ว่า ช้างของกลาง ชื่อพังสีทอง อายุ 16 ปี ที่เจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันตรวจยึดจับกุม ในความผิดฐานมีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจับกุมเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ปางช้างไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และได้นำไปเลี้ยงไว้ที่สถาบันคชบาลแห่งชาติ จ.ลำปาง ได้ล้ม (ตาย) แล้ว เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 20 มีนาคม หลังจากช้างเชือกดังกล่าวมีอาการชัก ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำวันที่ 19 มีนาคม

นายดำรงค์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของสถาบันคชบาลได้ไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธร ห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้แล้ว นอกจากนี้ได้ให้ทีมสัตวแพทย์ มาตรวจสอบผ่าพิสูจน์ซากช้างดังกล้าว เพื่อหาสาเหตุการตายแล้ว

อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามในฐานะที่กรมอุทยานฯ เป็นผู้นำช้างของกลางไปเก็บรักษาเอาไว้ ก็ยินดีที่จะจ่ายชดใช้ค่าเสียหาย หากศาลตัดสินว่าช้างของกลางดังกล่าว มีตั๋วรูปพรรณมายืนยันว่าเป็นช้างบ้าน แต่หากเป็นช้างป่า กรมอุทยานฯ ก็ไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งขั้นตอนจากนี้ก็รอผลการผ่าพิสูจน์ว่า ช้างล้มจากสาเหตุใด

ร่วมมือกับเรา

มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าต้องการความช่วยเหลือจากคุณ เผยแพร่เรื่องราวและภารกิจปกป้องสัตว์ป่าของเราออกสู่ภายนอก
หากคุณอยากช่วยเหลือสามารถเยี่ยมชมและมามีส่วนร่วมกันกับเราได้

Wildlife Friends Foundation Thailand

Back To Top