วันคืนอันแสนยาวนานของชีวิตที่ถูกบังคับใช้แรงงานเก็บมะพร้าว จบลงที่นี่ มารู้จักกับ มิสเตอร์บิ๊กฟุต
ศาลรับเรื่องฟ้องทางอาญา ต่ออธิบดีและเจ้าหน้าที่กรมอุทยาน
ศาลรับเรื่องฟ้องทางอธิบดีออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชและเจ้าหน้าที่ จากการบุกจับกุมศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าของมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าแล้ว
วันที่ 11 เมษายน 2555 ศาลเพชรบุรีรับเรื่องฟ้องทางอาญาจากมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า ซึ่งยื่นฟ้องอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช รวมถึงเจ้าหน้าที่ในกรมอีก 17 นาย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยประมาท เลือกบังคับใช้กฎหมาย บุกรุก ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ ขู่กรรโชก และหมิ่นประมาท
เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานได้บุกเข้ามายังมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าครั้งแรกในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ โดยบอกว่าได้รับรายงานร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครองช้างอย่างผิดกฏหมายที่มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า พวกเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่ามีลูกช้างผิดกฏหมายซ่อนไว้ 15 ตัวในมูลนิธิ แต่ในตอนบ่ายของวันที่ 13 เมื่อพบว่าไม่มีช้างผิดกฎหมายอยู่จริง เจ้าหน้าที่จึงเรียกดูเอกสารการครอบครองสัตว์ 450 ตัวแทน และเมื่อเอกสารทั้งหมดไม่สามารถตรวจสอบได้ครบภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เจ้าหน้าที่ก็เริ่มแสดงอาการคุกคามและข่มขู่ว่าจะย้ายสัตว์ทั้งหมดไป คุณจันทร์แสง สร้างนานอก หรือคุณน้อย ประธานมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าถูกจับกุมและคุมตัวไปยังสถานีตำรวจ และถูกขังให้อยู่ในคุกตลอดคืน ทางกรมอุทยานปฏิเสธการให้ประกันตัวคุณน้อย โดยอ้างว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และกล่าวอีกว่าจะกลับมาถ่ายรูปสัตว์ที่เหลือในวันรุ่งขึ้น และให้สัตว์เจ็บป่วยที่ช่วยเหลือมาอยู่ในความของมูลนิธิไปก่อนระหว่างขั้นตอนการดำเนินคดีทางกฎหมาย
วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ และอีกสองวันถัดจากนั้น กรมอุทยาน ร่วมกับกลุ่มคนติดยาและพวกลักลอบตัดไม้ที่ถูกจ้างมา บุกเข้าศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่าของมูลนิธิอีกครั้ง และเริ่มทำการขนย้ายสัตว์ที่ถูกช่วยเหลือมาจำนวน 103 ตัวด้วยอาการขู่บังคับอย่างรุ่นแรงเกินจำเป็น รวมทั้งใช้วิธีที่ทารุณอีกด้วย ตลอดหลายวันนี้พวกเจ้าหน้าที่ไม่ได้แสดงหมายค้นหรือหมายศาลใดๆ จึงถือเป็นการบุกรุก และจากที่เจ้าหน้าที่พกอาวุธมาครบมือ ก็ถือเป็นการปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธด้วย อีกครั้งที่เอกสารที่ถูกต้องตามกฎหมายโดนละเลย รวมทั้งพนักงานและอาสาสมัครก็ถูกทำร้ายโดยกลุ่มคนที่เราทราบในภายหลังว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่กรมอุทยาน แต่ได้รวมกลุ่มมาด้วยกัน ในอีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา กรมอุทยานได้บุกเข้ามายังมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่าอีกครั้งเป็นเวลาติดกันสี่วัน เพื่อจะทำการขนย้ายสัตว์ที่เหลือ ครั้งนี้อธิบดีเป็นผู้นำการบุกยึดด้วยตัวเอง โดยปฎิเสธที่จะดูเอกสารจากมูลนิธิอย่างสิ้นเชิงแต่กลับยืนยันเดินหน้ายึดต่อไป รวมทั้งทำให้มูลนิธิและพนักงานเสียชื่อเสียง โดยโกหกเรื่องต่างๆเกี่ยวกับผู้ก่อตั้งมูลนิธิ การทำงานทั้งหมดและความผิดทางกฎหมายของงานที่มูลนิธิทำ
มูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า พยายามที่จะเจรจาโดยดีในการขอรับสัตว์คืนกับเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยาน รวมทั้งได้ส่งจดหมายและเอกสารไปร่วมโหลให้กับทางกรม เพื่อที่จะยืนยันความถูกต้องในการครอบครองสัตว์ของมูลนิธิ แต่ไม่มีการตอบรับจนกระทั่งถึงตอนนี้ 50 วันแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้แนะนำทางกรมอุทยานให้ส่งสัตว์คืนเช่นกัน แต่ถึงพวกเขาจะได้รับ ก็ไม่มีการตอบกลับมา ดังนั้นเราจึงไม่มีทางอื่นที่จะต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่สัตว์นอกจากพึ่งพาระบบกฎหมาย
ในเคสที่คล้ายคลึงกันซึ่งมีช้าง 19 เชือก ถูกยึดไปจากปางช้างแห่งหนึ่งในกาญจนบุรี และย้ายไปยังศูนย์ของรัฐบาล ช้างเชือกหนึ่งตายอย่างน่าเศร้าจากการได้รับการดูแลที่ไม่ดีพอ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่นี่ก็ได้แนะนำกรมอุทยานให้ส่งคืนเช่นกัน แต่ทางกรมปฏิเสธที่จะส่งคืน โดยไม่มีแม้กระทั่งการตอบรับ